เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง กรณีการโค่นต้นมะหาด อายุกว่าร้อยปี เพื่อนำมาให้ศิลปินชาวญี่ปุ่น มารังสรรค์ผลงานประติมากรรม แกะสลักเป็นเสาจำนวน 5 ท่อน และจะนำไปจัดแสดงที่หอศิลป์อันดามัน จ.กระบี่ จึงทำให้ผู้คนในสังคมแสดงความคิดเห็นถกเถียงแตกต่างกันออกไป บ้างก็ว่าทำลายธรรมชาติ บ้างก็ว่าต้นไม้ต้นนี้เป็นของส่วนบุคคลสามารถทำได้ ซึ่งข้อสรุประหว่างงานศิลปะและธรรมชาติจะเป็นอย่างไร ลองมาฟังความจากปากนักอนุรักษ์กันบ้าง
สำหรับสกู๊ปตอนนี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ต่อสายโทรศัพท์ด่วนไปยังกูรูเรื่องป่าไม้ ไขข้อข้องใจเกี่ยวกับเรื่องของต้นไม้ว่า สามารถทำคุณประโยชน์อย่างไรได้บ้าง และคุ้มค่าแค่ไหนเมื่อต้องแลกต้นไม้อายุกว่าร้อยปีกับงานศิลปะสุดมหัศจรรย์ !!!
ทำความรู้จัก 'มะหาด' คุณประโยชน์นานัปการ
นายธิติ วิสารัตน์ รักษาการในตำแหน่ง ผอ.สำนักวิจัยและพัฒนาการป่าไม้ กรมป่าไม้ ให้ข้อมูลต้นมะหาดว่า เป็นไม้กระจายพันธุ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมักขึ้นอยู่ในป่าดงดิบทางภาคใต้ของประเทศไทย ซึ่งมะหาดถือเป็นไม้เนื้อแข็ง มีลักษณะใหญ่โต คงทน อีกทั้งยังมีอายุยืนเป็นร้อยปี
สำหรับประโยชน์ของต้นมะหาดมีมากมาย นอกจากจะทำให้เกิดความร่มรื่น ให้ร่มเงา ป้องกันการพังทลายของหน้าดินแล้ว เปลือกของต้นมะหาดยังนำไปทำเชือกได้ เนื้อไม้นำไปทำหมอนรองรางรถไฟ หรือเสา เพราะเป็นไม้เนื้อแข็ง ส่วนแก่น นำมาทำเป็นยาฆ่าพยาธิได้
มะหาดร้อยปี ใกล้สิ้นอายุไขแล้วจริงหรือ?
นายธิติ วิเคราะห์ให้ทีมข่าวฯ ฟังว่า หากดูจากลักษณะภายนอกของต้นไม้ จะดูจากใบ ถ้าใบร่วง กิ่งแห้ง ก็แสดงว่าใกล้ตายแล้ว ซึ่งไม้มะหาดเหมือนไม้ผลัดใบเปลี่ยนใบใหม่ได้ และถ้าผลัดใบแล้วใบใหม่ไม่ขึ้นแสดงว่าใกล้ตาย ส่วนลักษณะของเปลือกจะแตกเป็นร่องลึก
“เมื่อพิจารณาคร่าวๆ จากรูปภาพ ผมคาดว่าต้นมะหาดต้นนี้ น่าจะยืนต้นอยู่ได้อีกเป็น 10 กว่าปี หรืออาจจะมากกว่า 30 ปี จากรูปยังถือว่าใบเขียวเข้ม กิ่งก้านน่าจะมีความแข็งแรง ส่วนลำต้นเรียบสวยงาม ไม่เห็นร่องรอยผิดปกติจากการทำลายของโรคและแมลง นอกจากนี้ รอยแผลที่โคนลำต้นจากรถแบ็กโฮก็ดูยังสดมีชีวิตดี เห็นความใหญ่โตของต้นมะหาดต้นนี้แล้ว ผมรู้เสียดายมากๆ ใหญ่ขนาดนี้ หาได้ไม่ง่ายในแผ่นดินนี้” ทรรศนะจากรักษาการ ผอ.สำนักวิจัยและพัฒนาการป่าไม้
อ่านเพิ่มเติมที่
ที่มา: thairath.co.th
0 comments:
Post a Comment