รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 27 มี.ค.นี้ ที่ประชุมคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่มีนายสมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร ในฐานะประธาน จะดำเนินการพิจารณาจัดสรรโควตาสลากกินแบ่งฯ ที่หมดอายุในเดือน มิ.ย.นี้ จำนวน 48 ล้านฉบับ ให้กับผู้ค้าสลากฯ รายย่อยและคนพิการทั้งหมด โดยจะไม่ให้โควตากับนิติบุคคลเหมือนที่ผ่านมา พร้อมทั้งกำหนดรูปแบบการลงโทษ หากไม่จำหน่ายจริงและแนวทางการยึดโควตาคืนด้วย
ทั้งนี้ เบื้องต้นสำนักงานสลากฯ จะต้องตรวจสอบข้อมูลของผู้ค้าสลากฯ รายย่อย ซึ่งใช้วิธีการจัดสรรสลากฯให้กับผู้ค้าสลากฯและคนพิการ ที่ขายจริงเท่านั้น และกระจายโควตาสลากฯ ไปตามต่างจังหวัดมากขึ้น ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เนื่องจากโควตาสลากฯ ที่ผ่านมา พบว่าผู้ที่ได้รับโควตาสลากฯ กว่าครึ่งอยู่ในกรุงเทพฯ ส่งผลให้สลากฯ ในแต่ละงวดไม่กระจายอย่างทั่วถึง
อย่างไรก็ตาม นโยบายการกระจายโควตาสลากฯ ไปตามต่างจังหวัดมากขึ้น จะช่วยลดการครอบครองสลากฯ และการรวมชุดที่ทำให้ราคาสลากฯ ปรับราคาเพิ่มขึ้น รวมทั้งนโยบายของคณะกรรมการสลากฯ ที่ยกเลิกการจัดสรรสลากฯให้กับนิติบุคคล แต่นำมาจัดสรรให้กับผู้ค้าสลากฯ รายย่อย ทั้งหมดนั้น จะช่วยผู้ค้าสลากฯ ที่ได้รับโควตา ขายสลากฯ ได้ในราคาที่ถูกลง และประชาชนจะสามารถซื้อสลากฯ ตามราคาหน้าสลากฯที่กำหนดไว้ในราคาใบละ 80 บาท
ขณะเดียวกัน ในส่วนของโควตาที่จะหมดอายุเดือน ก.ค.นี้ จะมีสัดส่วนประมาณ 22 ล้านฉบับ ซึ่งเดิมจะเป็นนิติบุคคลที่ได้รับโควตาไปนั้น จะนำมาจัดสรรโควตาใหม่เช่นกัน โดยจะใช้วิธีเหมือนกับการจัดสรรโควตา 48 ล้านฉบับ ที่จะให้โควตากับผู้ค้าสลากฯ รายย่อย คนพิการ มูลนิธิ และสมาคม โดยต้องเป็นผู้สลากฯ ที่ขายสลากฯ จริง
“ยืนยันว่าการจัดสรรโควตาใหม่ในครั้งนี้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ค้าสลากฯ รายย่อย และคนพิการ ที่ขายสลากฯ รายเดิม แต่การดำเนินการดังกล่าวจะทำให้สลากฯ อยู่ในเมื่อผู้ค้า สลากฯ จริง เพื่อให้สลากฯ สามารถถึงมือประชาชนได้ในราคาที่ใบละ 80 บาท”
สำหรับการประชุมวันที่ 27 มี.ค.นี้ จะสรุปแนวทางทั้งหมดภาย ก่อนที่จะประกาศหลักเกณฑ์ให้เป็นที่ทราบโดยทั่วกันในเดือนเม.ย.นี้ เพื่อขึ้นทะเบียนผู้ได้รับโควตาในเดือนพ.ค. เพื่อให้ทันการจำหน่ายที่จะครบกำหนดในเดือนมิ.ย.นี้ เมื่อได้จัดสรรให้กับรายเดิมไปแล้ว หากการลงทะเบียนมีจำนวนมากกว่าจัดสรรจะทำการสุ่มเลือกเพิ่มเติม และกำชับแนวทางการจัดสรรให้รายย่อยต้องให้จำนวนเท่ากัน
...........
ที่มา: www.dailynews.co.th
0 comments:
Post a Comment